เครื่องดื่มสมุนไพรต้อนรับปีหมูทองด้วย 5 เทรนด์ เครื่องดื่ม ที่มาแรงสุดในปี 2019

เครื่องดื่ม ในปี 2019  หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าปีของ หมูทอง นั้น เมื่อการเริ่มต้นปีใหม่มากถึงทุกคนมักจะหวังในสิ่งใหม่ๆ ให้มาเกิดขึ้นกับตัวเองเสมอ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ความต้องการของผู้บริโภคก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไปเราจะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นอีกมากอันเป็นการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกอนาคต

ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่สินค้าก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจากรูปแบบเดิมในอดีตตอนนี้จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้ทันจะอยู่รอดปลอดภัยในวงการนี้ต่อไปได้ จากข้อมูลของ www.ThaiSMEsCenter.com
เผยถึงเทรนด์เครื่องดื่มที่กำลังมาแรงในสหรัฐ และเป็นเทรนด์ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกมีอะไรน่าสนใจให้ปรับตัวกันบ้าง วันนี้ โอเค เฮิร์บ จะพาตามไปดูกันค่ะ

 

1. เครื่องดื่มผสมโปรตีนจากพืช
การรับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมโปรตีนพืชถือเป็นเทรนด์สำคัญในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถทดแทนผลิตภัณฑ์นมและส่วนผสมที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆได้ ซึ่งโปรตีนจากถั่วลันเตา ข้าวกล้อง และว่านหางจระเข้ ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าสินค้าเครื่องดื่มชนิดนี้จะมีการพัฒนาด้านโปรตีนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการติดฉลากแจ้งปริมาณน้ำตาล ถือเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงโดย ภาษีโซดากลายเป็นเครื่องมือหารายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐฯ ผู้ผลิตเครื่องดื่มจึงต่างหาแนวทางเพื่อลดปริมาณน้ำตาลโดยไม่ให้กระทบต่อรสชาติด้วยการใช้เทคโนโลยีการปรับรส เพื่อเพิ่มความรับรู้ความหวานแม้จะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล

 

2.กาแฟเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับ Functional Coffee ที่ให้ประโยชน์สุขภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การเพิ่มเนยและน้ำมันเอ็มซีที (น้ำมันที่ได้มาจากมะพร้าวหรือปาล์ม) หรือแม้แต่เสริมคุณค่าด้วยโสม สมุนไพร และรากพืชสกัด เพื่อเกิดคุณประโยชน์ในการดื่มกาแฟที่แตกต่างจากเดิม ตามรายงานของ Datassential ระบุว่า 83% ของผู้ผลิตครีมเทียมเริ่มหันมาสนใจการใช้วัตถุดิบจากพืช โดย 34% ใช้การสกัดจากอัลมอนด์ ถั่วเหลือง นับเป็นการเปลี่ยนเทรนด์เครื่องดื่มกาแฟให้เน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้น

 

3.เครื่องดื่มที่มีสีสันจากธรรมชาติ
ในแง่ของสีสันยังเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือต้องเป็นสีสันอันเกิดจากวัตถุดิบธรรมชาติมารังสรรค์เครื่องดื่มให้ดูน่าสนใจ ผู้ประกอบการเครื่องดื่มยุคใหม่ต้องเลือกใช้สีจากธรรมชาติ เช่นสีฟ้าจากผักชนิดหนึ่งที่เรียกว่า matcha หรือสีชมพูออกแดงที่มาจากดอกกระเจี๊ยบ รวมถึงสีสันจากธรรมชาติอื่นๆเช่นดอกอัญชัญ เก็กฮวย เป็นต้น ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนสนใจเครื่องดื่มที่มีสีสันจากธรรมชาติไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามและปลอดภัย แต่สีสันจากธรรมชาติเหล่านี้ยังมีสารสำคัญที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะดื่มได้อีกด้วย

 


4.เครื่องดื่มที่ผสมสมุนไพรท้องถิ่นของแต่ละประเทศ
ในแต่ละประเทศจะมีวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ตัวเองโดยเฉพาะบรรดาเครื่องเทศต่างๆที่ทุกมุมโลกมีแตกต่างกัน เครื่องดื่มในยุค 2019 จะต้องเชื่อมต่อกับวัตถุดิบเหล่านี้ โดยรายงานจาก Imbibe ระบุว่าระหว่างปี 2013-2017 เครื่องดื่มที่ผสมเครื่องเทศเหล่านี้เติบโตขึ้นกว่า 20% ไม่ว่าจะเป็นรสชาติเผ็ดจากกระวาน , ขิง หรือเครื่องเทศจากประเทศจีนที่หลากหลาย แม้แต่เครื่องดื่มคอกเทล ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการผสมรสชาติสมุนไพรเข้าไว้ด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น yuzumeyer lemon , blood orange และ guava เป็นต้น

 

5.เครื่องดื่มที่มีเนื้อสัมผัส (texture)
เป็นความต้องการประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเครื่องดื่มแบบ RTD (Ready To Drink) ยกตัวอย่างผู้บริโภคชาวจีนอยากได้โยเกิร์ตที่ใส่ซีเรียลหรือธัญพืช , ชาวแคนาดาบอกว่าสนใจในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมระหว่างคุ้กกี้กับมันฝรั่งทอด ,คนอังกฤษให้ความสนใจในน้ำอัดลมที่มีการเพิ่มเนื้อผลไม้เข้ามา คนบราซิลบอกว่าการมีส่วนผสมของธัญพืชในน้ำผลไม้เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกดื่ม ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคมีการเปิดรับตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีการใช้ texture แตกต่างกันในส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม อย่างกระแสฮิตของชีสในเวลานี้ก็ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้ texture มาเล่น เช่น ชาชีส ที่เปลี่ยนรสสัมผัสของเครื่องดื่มเดิมๆ อย่างชาไทยหรือชาเขียวให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น หรืออย่างแบรนด์ Fanta ของออสเตรเลียที่ผลิตน้ำอัดลมที่พอเขย่าแล้วจะเกิดวุ้นเนื้อเยลลี่ออกมา หรือการผลิตน้ำอัดลมที่มีรสเปรี้ยวของตัวราสเบอร์รี่และมีความซ่ามากออกมาถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆได้

เราจะเห็นได้ว่าเทรนด์เครื่องดื่มและอาหารในปี 2019 เป็นต้นไปจะเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ อันเกิดจากกระแสรักสุขภาพเป็นหลักและคนเริ่มมองเห็นคุณค่าสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติมากขึ้น นั่นหมายถึงว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทำให้การพัฒนาสินค้าเหล่านี้เกิดขึ้นได้ง่ายด้วย ถือเป็นก้าวย่างแห่งโลกอนาคตที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในอีกหลากหลายรูปแบบมากขึ้น